Main Menu
BANGKOK PORTAL

  • ไทย
  • Eng

ไม้ดอกไม้ประดับและพืชผักสวนครัว

ว่านสี่ทิศ


ว่านสี่ทิศ ชื่อวิทยาศาสตร์: Hippeastrum johnsonii Bury.

ว่านสี่ทิศ ชื่อสามัญ: Barbados lily

ว่านสี่ทิศ ชื่อวงศ์: AMARYLLIDACEAE

ว่านสี่ทิศเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์พลับพลึง มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดินมีลักษณะคล้ายกับหอมหัวใหญ่ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินเป็นส่วนของก้านใบ และตัวใบเท่านั้น ลักษณะของใบเป็นสีเขียว รูปหอกยาวเรียว ปลายมน ขอบใบเรียบ ใบกว้างประมาณ 3-5 ซม. และยาวประมาณ 25–30 ซม. ก้านดอกจะแทงสูงขึ้นจากกอ มีความประมาณ 25-30 ซม. ดอกออกตรงปลายก้านดอก มีสีชมพูตรงปลายดอก ดอกแยกออกเป็น 6 กลีบ เมื่อบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 6-8 ซม. และจะทยอยกันบานทีละ 4 ดอก จึงนิยมเรียกกันว่า “ว่านสี่ทิศ”

ความเชื่อเกี่ยวกับไม้มงคล

เชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงว่านสี่ทิศให้ออกดอกพร้อมกันได้ทั้งสี่ดอกหรือสี่ทิศผู้เลี้ยงจะมีโชคลาภ และหากว่าในช่วงที่ว่านสี่ทิศกำลังออกดอกทั้งสี่อยู่นั้น ผู้เลี้ยงคิดจะทำอะไร ก็จะประสบความสำเร็จทุกประการ แต่ถ้าหากว่า ว่านสี่ทิศออกดอกไม่ครบทั้งสี่ดอก หรือออกดอกแค่ 2 หรือ 3 ดอก ก็จะไม่เป็นผลดีแก่ผู้เลี้ยงเหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าจะมีสิ่งไม่ดีเกิดแก่ผู้เลี้ยง

ส่วนประกอบ
หัวหรือลำต้น
ว่านสี่ทิศมีหัวเป็นลำต้นใต้ดิน ประกอบด้วยข้อสั้นๆ อัดแน่นอยู่บริเวณส่วนล่างของหัว ที่เรียกว่าฐานหัว (basal plate) หัวด้านบนเป็นแบบ tunicate bulb ประกอบด้วยกาบใบ (scale) หลายอัน เชื่อมติดกันเป็นวง (concentric) และเรียงซ้อนกันเป็นชั้น จนมีลักษณะเป็นหัวกลมคล้ายหอมหัวใหญ่ ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บสะสมอาหาร กาบใบชั้นนอกสุดจะแห้งคล้ายเยื่อกระดาษห่อหุ้มรอบหัว ทำหน้าที่ป้องกันการระเหยน้ำของเนื้อเยื่อภายในจากสภาพแวดล้อมภายนอก บริเวณโคนกาบเป็นจุดกำเนิดตา และตาข้างที่เจริญ และพัฒนาเป็นหัวใหม่

ราก
ระบบรากประกอบด้วยรากฝอยจำนวนมาก เจริญออกจากฐานหัว รากมีลักษณะกลมเรียว มีขนาดใกล้เคียงกันทุกราก บริเวณปลายรากแตกกิ่งรากย่อยออกเป็นแขนง รากเมื่ออายุน้อยจะมีสีขาว และเป็นสีน้ำตาลอ่อนเมื่ออายุมากขึ้น

ใบ
ใบเป็นใบเดี่ยว แตกออกเรียงสลับจากกาบใบ (หัว) บริเวณโคนใบโค้งงอเข้าหากันจนถึงกลางใบ ทำให้มองดูคล้ายลำต้น แต่ละใบจะแผ่ออกเป็นแผ่นในช่วงปลายใบ มีรูปร่างเรียวยาว อวบน้ำ ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม (acute) รูปทรงคล้ายดาบจีน กลางใบมีเส้นขนาดใหญ่ 1 บริเวณ หัวว่านสี่ทิศ 1 หัว จะมีใบประมาณ 3-10 ใบ สีของใบจะมีสีเขียว ยกเว้นบางพันธุ์ที่มีสีครีมหรือแดงเข้มตามขอบหรือปลายใบ เช่น พันธุ์ดอกสีแดงเข้ม (ใบสีแดง)
ดอก
ดอกออกเป็นช่อ แบบ umbel มีดอกย่อยตั้งแต่ 2 ถึง 15 ดอก ขึ้นอยู่กับชนิด และพันธุ์ ก้านช่อดอก (peduncle) มีสีเขียว ขนาดใหญ่ตั้งตรง ยาว มีลักษณะอวบน้ำ มีทั้งก้านช่อดอกกลวง และตัน  ผิวก้านช่อดอกมีไขเคลือบ ก้านของดอกย่อย (pedicel) จะแตกออกส่วนปลายก้านช่อ มีลักษณะกลมหรือเหลี่ยมเล็กน้อย ขนาดเท่าๆกัน บริเวณโคนก้านของดอกย่อยจะมีกาบรองดอก (bract) เรียกว่า bracteole ดอกตูมจะมีกาบรองดอกสีเขียวหรือสีต่างๆตามพันธุ์คล้ายใบ 2 อัน ห่อหุ้มช่อดอกไว้ ระยะนี้ เรียกว่า spathe valve

ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ประกอบด้วยฐานรองดอก (receptacle) และกลีบดอก กลีบดอกเกิดจากการรวมตัวของ sepal และ petal เรียกว่า tepal เชื่อมติดกันเป็นกรวยบริเวณโคนดอก ส่วนปลาย tepal ฉีกแยกจากกันเป็นกลีบ ส่วนโคนที่เป็นกรวยเรียกว่า tepal tube ส่วนปลายที่แยกออกจากกันเป็นกลีบหลายกลีบ เรียกว่า tepal seg รูปร่างกลีบเป็นสามเหลี่ยม สามเหลี่ยมมนหรือทรงเรียวยาวขึ้นอยู่กับสายพันธุ์  สีกลีบดอกมีหลายสี เช่น แดง ส้ม ชมพู ขาว บานเย็น และสีผสมในดอกเดียว ตรงกลางดอกประกอบด้วยเกสรตัวผู้มี 6 อัน ที่ออกจากก้านชูเกสรที่เชื่อมรวมกันบริเวณโคนดอก เกสรตัวผู้มีละอองเกสร (pollen) สีเหลืองจำนวนมาก ส่วนเกสรตัวเมียมี 1 ก้าน ยอดเกสรตัวเมีย (stigma) แยกเป็น 3 แฉก (trifurcate stigma) รังไข่เป็นแบบ inferior ovary มี 3 ช่อง (locule) มีไข่อ่อน (ovule) เกาะติดผนังรังไข่แบบ axile placentation โดยเรียงตัวเป็น 2 แถว ในแต่ละ locule

ผล
ผลเป็นแบบ capsule แบ่งเป็น 3 ส่วน ภายในประกอบเมล็ดมีขนาดใหญ่ และแบน มีสีดำเมื่อแก่จัด

ลักษณะ

ต้นว่านสี่ทิศ เป็นไม้ดอกพุ่มสูงประมาณ 35-60 เซนติเมตร มีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน โดยส่วนที่โผล่ขึ้นมาจะเป็นส่วนของก้านและใบ โดยหัวของว่านสี่ทิศจะมีลักษณะคล้ายกับหัวหอมใหญ่

ใบว่านสี่ทิศ ใบจะมีลักษณะคล้ายรูปหอกเรียวยาว มีสีเขียวสดเป็นมัน ใบค่อนข้างหนา ขอบใบเรียบ กว้างประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 15-30 เซนติเมตร

ดอกว่านสี่ทิศ ดอกจะออกเป็นช่อที่ปลายก้านประมาณ 4-8 ดอก หันไปทั้ง 4 ทิศ ดอกคล้ายรูปถ้วย มีขนาดประมาณ 8-15 เซนติเมตร กลีบดอกมี 6 กลีบ มีทั้งสีแดง สีชมพู และสีขาว โดยว่านสี่ทิศจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน และการปลูกว่านสี่ทิศจะขยายพันธุ์โดยวิธีการแยกหัวในทรายหรือดินปลูก แล้วกลบดินตื้น ๆ เพียงคอหัว

วิธีการปลูก

ดิน ไม้หัวทุกชนิดชอบดินร่วน โปร่ง ระบายน้ําดี น้ําไม่ขัง เพราะจะช่วยให้แทงหัวใหม่ได้ง่าย ไม้หัวส่วนใหญ่จะชอบดินด่างมากกว่าดินกรด (คือ ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) การปลูกไม้หัวที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 2 นิ้วขึ้นไป ควรปลูกให้มีความลึก 3  4 เท่าของขนาดหัว ถ้าเป็นไม้หัวขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 2 นิ้ว ควรปลูกให้มีความลึกเป็น 2  3 เท่าของขนาดหัว การฝังหัวลึกจะช่วยให้ได้รับความชื้น และลําต้นสามารถพยุงตัวเองได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรปลูกลึกจนเกินไป เพราะ จะทําให้งอกยาก สําหรับไม้หัวบางชนิด เช่น ว่านสี่ทิศ ควรปลูกตื้นเสมอระดับหัวจะทําให้งอกได้ดีกว่า และการปลูกในตอนแรกให้ใช้ดินกลบพอมิดหัว เมื่อต้นเจริญขึ้นมาแล้วจึงค่อยนําดินกลบอีกครั้ง

ปุ๋ย ก่อนเตรียมพื้นที่ ดินที่จะปลูกไม้หัวควรได้รับปุ๋ยคอก นอกจากนี้ไม้หัวยังต้องการปุ๋ยเคมีที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูง ส่วนไนโตรเจนต่ำ เนื่องจากเมื่อใบสร้างอาหารจะส่งกลับมาเก็บยังหัว หากให้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูงจะทําให้การเจริญเติบโตทางใบสูง เกิดการพักตัวเร็ว ทําให้เวลาในการสร้างอาหารมาสะสมไว้น้อยลง หัวที่ได้จะมีขนาดเล็ก ปุ๋ยเคมีที่ใช้สําหรับไม้หัว คือ 5  10  15 (ให้โพแทสเซียมสูงกว่าไนโตรเจน 3 เท่า) เพื่อให้ได้หัวที่สมบูรณ์ในการปลูกครั้งต่อไป

น้ำ การให้น้ำในครั้งแรกหลังจากปลูกควรรดน้ำให้ชุ่ม จากนั้น 1  2 สัปดาห์ เมื่อต้นโผล่พ้นดินแล้วจึงให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และควรให้น้ําอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่ให้ดอกและช่วงที่หัวใหม่เจริญเติบโต ประมาณ 30  45 วัน หลังจากนั้นต้นจะพักตัว ระยะนี้หากให้น้ำมากจะทําให้หัวผิดปกติได้จึงจําเป็นต้องงดการให้น้ำ โดยสังเกตจากใบแรกเริ่มเหี่ยวให้งดน้ำจนใบเหี่ยวหมด เมื่อต้นโทรมจึงขุดหัวขึ้น 
เพื่อให้อาหารสะสมได้เต็มที่