Main Menu
ไทย
Eng
ติดต่อเรา
โพลล์สำรวจ
สมัครสมาชิกห้องสมุด
Facebook
Youtube
หน้าหลัก
ข้อมูลห้องสมุด
ประวัติห้องสมุด
วิสัยทัศน์ พันธกิจ
การสมัครสมาชิกห้องสมุด
ระเบียบการใช้ห้องสมุด
บริการ
หนังสือและสิ่งพิมพ์
ตู้ล็อกเกอร์
ฟรีอินเตอร์เน็ต
หนังสือและสิ่งพิมพ์
นิตยสาร วารสารใหม่
หนังสือแนะนำสำหรับเด็กและเยาวชน
หนังสือ 1เขต 1 วรรณกรรม
บทความ
บทความน่ารู้
ไม้ดอกไม้ประดับและพืชผักสวนครัว
ข่าวสาร/กิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
ปฏิทินกิจกรรม
ระบบสืบค้นหนังสือ
ถาม ตอบ
ร่วมตอบแบบสอบถาม
บรรณนิทัศน์ออนไลน์
E-Books
หน้าแรก
บทความ
บทความน่ารู้
บทความน่ารู้
กลับไปหน้าหลัก
สึกกับสึกไม่เหมือนกัน
#สาระน่ารู้ #อาบัติปาราชิก
---
สึกกับสึกไม่เหมือนกัน
สึกตามศีลเรียก "ทิด" สึกเพราะปาราชิก...เรียกอีกอย่าง
เวลาพระภิกษุสละสมณเพศ เรามักจะใช้คำว่า "สึก" เป็นคำกลาง ๆ ที่เข้าใจกันทั่วไปว่า หมายถึง การกลับไปเป็นฆราวาส
แต่รู้หรือไม่ว่า...ในทางพระวินัยการสึกมีหลายแบบ และไม่ได้จบลงด้วยการได้ชื่อว่า "ทิด"เสมอไป
.
ประเทศไทย เป็นประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
มีพระสงฆ์เป็นที่เคารพนับถือ และการบวชก็ถือเป็นสิ่งที่ยกระดับชีวิตทั้งทางสังคมและจิตใจ
เพราะฉะนั้น "พระ" จึงไม่ใช่เพียงแค่ชุดจีวรหรือบุคคลศีรษะโล้น
แต่ คือ สถานะที่ต้องคู่ควรกับ"ศีล" และ "ธรรม" อย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพระสงฆ์รูปหนึ่งลาสิกขา คำที่คนไทยนิยมใช้เรียกก็คือ "ทิด"
แต่รู้หรือไม่ว่า… ไม่ใช่พระทุกรูปที่สึกแล้วจะเป็น "ทิด" ได้
การสึกมีหลายกรณี และแต่ละกรณีมีนัยยะที่แตกต่างกันโดยเฉพาะในแง่ ศีลธรรม ความตั้งใจ
และเจตนา ข้างในที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
.
"ทิด" คำนี้มีเกียรติ ไม่ได้แจกฟรี
คำว่า "ทิด" หรือที่เรียกเต็ม ๆ ว่า "นางทิด" สำหรับหญิงและ "ทิด" สำหรับชาย มีรากฐานมาจากภาษาไทยโบราณ
ใช้เรียกผู้ที่เคยบวชพระ แล้วลาสิกขาอย่างบริสุทธิ์
กล่าวคือ…บวชโดยสุจริต ตั้งใจศึกษาธรรม ฝึกวินัย เมื่อครบวาระ หรือมีเหตุสมควรจึงลาสิกขา
(เช่น ต้องดูแลครอบครัว เจ็บป่วย หรือจบภารกิจทางธรรม)คนกลุ่มนี้เมื่อสึกออกมา
จะได้รับการเรียกด้วยความเคารพว่า"ทิด" เพราะเขาเคยผ่านกระบวนการฝึกจิต ฝึกวินัย
และดำรงตนในสมณเพศอย่างเหมาะสมแม้จะไม่ได้เป็นพระอีกต่อไป
แต่ชื่อ "ทิด"ก็เป็นสัญลักษณ์แห่งการให้คุณค่าของเกียรติที่ท่านได้รักษาไว้
.
แต่ถ้าสึกเพราะ “ขาดศีล”… จะเป็นทิดได้จริงหรือ?
ในพระวินัยปิฎกมีข้อกำหนดไว้ว่าหากพระภิกษุทำผิด อาบัติปาราชิก ซึ่งมีทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่
1. เสพเมถุน (มีเพศสัมพันธ์)
2. ลักทรัพย์ (ขโมยของ)
3. ฆ่าคน หรือยุยงให้ฆ่า
4. อวดอุตริมนุสธรรม (อ้างว่าบรรลุธรรมที่ตนไม่ได้บรรลุ)
หากพระทำผิดในข้อใดข้อหนึ่ง จะขาดจากความเป็นพระทันทีโดยอัตโนมัติ
ไม่ต้องมีพิธีลาสิกขา เพราะการเป็นพระสิ้นสุดลงตั้งแต่วินาทีที่กระทำผิดเรียกได้ว่า
"จีวรหลุดจากใจแล้ว ไม่ว่าจะยังห่มผ้าอยู่หรือไม่ก็ตาม"
คนแบบนี้จึง ไม่สามารถใช้คำว่า "ทิด" ได้ เพราะไม่ได้ออกจากสมณเพศอย่างมีเกียรติ
ไม่ได้ลาสิกขาอย่างบริสุทธิ์แต่หลุดจากผ้าเหลืองเพราะ "สึกโดยกระทำความผิด"
.
เเล้ว สึกแบบไหน "ขาวสะอาด" สึกแบบไหน "ขาดความน่านับถือ"?
ประเภทการสึกมีวิธีการและเหตุผล เหมาะสมที่จะเรียก "ทิด" หรือไม่นั้น ยกตัวอย่างให้พอเข้าใจได้ดังนี้
*ลาสิกขาตามปกติ ครบวาระ หรือเหตุจำเป็นอันควร เรียก "ทิด" ได้
*ลาสิกขาเพราะเจ็บป่วยด้วยเหตุจำเป็นทางร่างกาย/จิตใจ เรียก "ทิด"ได้
**สึกเพราะผิดศีลร้ายแรง (ปาราชิก)เสพเมถุน, ลักทรัพย์, ฆ่าคน, อวดอุตริ เรียก "ทิด" ไม่ได้
**ถูกจับสึกโดยคณะสงฆ์หรือตามคำสั่งมหาเถรสมาคม เรียก "ทิด" ไม่ได้ (ถ้าเข้าข่ายปาราชิก)
.
แล้วทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นะ?
เพราะว่าในยุคที่พระบางรูปกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง จากกรณีคลิปหลุด ไลน์หลุด
หรือแม้แต่ศีลธรรมความยับยั้งชั่งใจขาดไปแล้วหลายคนยังเรียกบุคคลเหล่านั้นว่า "ทิด"
ทั้งที่ในทางพระวินัยแล้วพวกเขาไม่สมควรได้รับเกียรติแบบนั้น
.
การใช้คำให้เหมาะสม จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการใช้ภาษา แต่คือการรักษาคุณค่าของคำว่า "พระ" และ "ทิด"
ไม่ให้เสื่อมเสียจนกลายเป็นเรื่องตลกในสังคมนั่นเองค่ะ
.
#พระสงฆ์ #ความรู้ใหม่ใกล้ฉัน
#สาระน่ารู้กับห้องสมุดฯวัดรัชฎาธิษฐานฯ
แชร์