#สาระน่ารู้ #เดอกาเเวง #โรคฮิตสายดิจิทัล เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการใช้เทคโนโลยีอย่างเข้มข้น หลายคนอาจไม่ทันสังเกตอาการเตือนจากร่างกาย ที่เกิดจากการใช้มือและข้อมือซ้ำๆ เป็นเวลานาน "โรคเดอกาแวง" หรือที่รู้จักกันในทางการแพทย์ว่า "โรคปลอกเอ็นข้อมืออักเสบ" กำลังคุกคามคุณภาพชีวิตของผู้คนมากขึ้นทุกวัน . เมื่อส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันกลายเป็นความเจ็บปวด ความน่ากลัวของโรคนี้ คือ อาการปวดที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันอย่างเงียบๆ เริ่มจากความรู้สึกชาเล็กน้อยที่นิ้วมือ อาการเสียวแปลบๆ ที่ข้อมือในบางครั้ง จนกระทั่งกลายเป็นความเจ็บปวดที่รบกวนการนอนหลับ ส่งผลกระทบต่อการทำงานและกิจวัตรประจำวัน . จากสถิติล่าสุดพบว่า ประมาณ 1-3% ของประชากรทั่วโลกกำลังเผชิญกับโรคนี้ โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3-10 เท่า และช่วงอายุที่มักพบมากที่สุดคือ 30-50 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยทำงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ . ทำไมคนยุคใหม่จึงมีความเสี่ยงเป็นมากขึ้น? คำตอบ คือ ไลฟ์สไตล์ดิจิทัลเป็นตัวการสำคัญ การพิมพ์เอกสาร การเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ การเล่นเกม หรือแม้แต่งานฝีมือที่ต้องใช้การบิด หมุน บีบจับสิ่งของซ้ำๆ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยง และหากเป็นผู้ที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานาน ยิ่งมีความเสี่ยงสูงถึง 10-20% โดยเฉพาะเมื่อไม่มีการปรับท่าทางการทำงานให้เหมาะสม . สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม ได้แก่ - รู้สึกชาที่นิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง และครึ่งของนิ้วนาง - ปวดแสบปวดร้อนที่ข้อมือ มักรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน - มีความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตจากข้อมือไปยังนิ้วมือ - รู้สึกว่ามือไม่มีแรง ทำให้จับหรือถือสิ่งของได้ลำบาก - ปวดร้าวจากข้อมือขึ้นไปที่แขน . การป้องกันไม่ให้โรคมาเยือน คือ ทางออกที่ดีที่สุด ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ 1. หลักการพัก 5-10-1 พัก 5-10 นาทีทุก 1 ชั่วโมง เพื่อให้ข้อมือได้ผ่อนคลาย ยืดเหยียด และลดการใช้งานซ้ำๆ 2. ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน จัดโต๊ะ เก้าอี้ แป้นพิมพ์ เมาส์ ให้เหมาะสมกับสรีระร่างกาย ใช้ที่รองข้อมือเพื่อลดแรงกดทับ 3. ออกกำลังกายเสริมความแข็งแรง ทำการบริหารข้อมือและกล้ามเนื้อแขนเป็นประจำ ด้วยการบิดข้อมือเบาๆ การกำและคลายมือซ้ำๆ 4. ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง เราอาจใช้อุปกรณ์พยุงข้อมือในช่วงกลางคืน หรือเมื่อต้องทำงานที่ใช้ข้อมือมาก . การรักษาเมื่อโรคมาเยือนแล้ว หากพบว่ามีอาการของโรคเดอกาแวง การรักษาควรเริ่มต้นแต่เนิ่นๆ ดังนี้ **การรักษาแบบไม่ผ่าตัด ประมาณ 70% ของผู้ป่วย สามารถหายได้ด้วยวิธีการรักษาเบื้องต้น ได้แก่ - การพักการใช้งานข้อมือ - ประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบ - ใช้อุปกรณ์พยุงข้อมือ โดยเฉพาะในเวลานอน - ทานยาแก้ปวดและลดการอักเสบตามคำแนะนำของแพทย์ - การทำกายภาพบำบัด - ในกรณีที่อาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์เข้าข้อเพื่อลดการอักเสบ **การรักษาแบบผ่าตัด ในกรณีที่การรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่ได้ผล (ฉีดเสตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบไปแล้ว 2 ครั้ง) หรือมีอาการรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด ซึ่งมีทั้งแบบการผ่าตัดเปิดปลอกเอ็นที่กดทับ และการผ่าตัดแบบส่องกล้องโดยหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการดีขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู . โรคเดอกาแวงอาจไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่สามารถทำลายคุณภาพชีวิตได้อย่างน่าใจหาย ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่ทำให้เราต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้นทุกวัน การตระหนักรู้และป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าลืมว่าสุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เพียงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือ และข้อมือ พักเป็นระยะ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็สามารถห่างไกลจากโรคเดอกาแวงได้ไม่ยากค่ะ #สายสุขภาพ #สาระน่ารู้กับห้องสมุดฯวัดรัชฎาธิษฐานฯ