Main Menu
ไทย
Eng
ติดต่อเรา
โพลล์สำรวจ
สมัครสมาชิกห้องสมุด
Facebook
Youtube
หน้าหลัก
ข้อมูลห้องสมุด
ประวัติห้องสมุด
วิสัยทัศน์ พันธกิจ
การสมัครสมาชิกห้องสมุด
ระเบียบการใช้ห้องสมุด
บริการ
หนังสือและสิ่งพิมพ์
ตู้ล็อกเกอร์
ฟรีอินเตอร์เน็ต
หนังสือและสิ่งพิมพ์
นิตยสาร วารสารใหม่
หนังสือแนะนำสำหรับเด็กและเยาวชน
หนังสือ 1เขต 1 วรรณกรรม
บทความ
บทความน่ารู้
ไม้ดอกไม้ประดับและพืชผักสวนครัว
ข่าวสาร/กิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
ปฏิทินกิจกรรม
ระบบสืบค้นหนังสือ
ถาม ตอบ
ร่วมตอบแบบสอบถาม
บรรณนิทัศน์ออนไลน์
E-Books
หน้าแรก
บทความ
บทความน่ารู้
บทความน่ารู้
กลับไปหน้าหลัก
ไข้เลือดออก
#สาระน่ารู้ #ไข้เลือดออก
---
ประเทศไทยเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน
ฝนตกมักชุก อากาศชื้น และมีน้ำขัง เจ้ายุงลายพันธุ์ Aedes aegypti ซึ่งเป็นพาหะของเชื้อไวรัสเด็งกี่
ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออกจะวางไข่ในน้ำที่นิ่ง ๆ แม้แต่ภาชนะเล็ก ๆ ไม่ได้ถูกระบาย
หรือถูกปิดมิดชิดได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่สำคัญ การที่ฝนตกบ่อยก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการแพร่พันธุ์ของยุงลาย
---
สถานการณ์ผู้ป่วยไข้เลือดออกในไทยและกรุงเทพฯ
* ตั้งแต่ 1 มกราคม – 1 มีนาคม 2566ประเทศไทยมีผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวน 6,156 ราย เสียชีวิต 4 ราย
โดย กทม. เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการระบาดสูงสุด พบผู้ป่วยสะสมใกล้ 2,000 ราย
(คิดเป็นประมาณ 8.64% ของผู้ป่วยทั้งประเทศ)
---
#ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงบ้าง?
* เด็กเล็ก (0‑4 ปี)และเด็กในวัยเรียน (5‑14 ปี) มักมีอัตราป่วยสูง เช่น ในช่วงต้นปี 2566 กลุ่มอายุ 5‑14 ปี
มีผู้ป่วยคิดเป็นร้อยละ 27.8 รองลงมาเป็น 15‑24 ปี และ 0‑4 ปี
อย่างไรก็ดี เดี๋ยวนี้ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุก็มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคประจำตัว
หรือไม่สามารถดูแลตนเองได้มักเกิดอาการรุนแรงและมีโอกาสเสียชีวิตสูงกว่า
---
#สาระน่ารู้เพิ่มเติม
1. เชื้อเด็งกี่มีหลายชนิดไวรัสเด็งกี่แบ่งออกเป็น 4 เซโรไทป์(Dengue‑1 ถึง Dengue‑4) ถ้าติดเชื้อจาก
เซโรไทป์หนึ่ง แล้วต่อมาได้รับเชื้อจากเซโรไทป์ต่างชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการรุนแรง
เช่นภาวะช็อกหรือเลือดออกมากขึ้น
2. อาการที่ควรระวัง
เริ่มต้นด้วยไข้สูง เบื่ออาหาร ปวดศีรษะปวดกล้ามเนื้อหรือกระดูก ต่อมาอาจมีอาการคลื่นไส้
อาเจียน บางคนอาจมีจ้ำเลือด เลือดออกจมูกหรือเหงือกถ้าอาการแย่ลงไปจนมีอาการช็อกต้องรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
3. การดูแลรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะโรคนี้ที่สามารถฆ่าไวรัสได้โดยตรงการรักษาจะเน้นรักษาตามอาการ
ได้แก่ รักษาสมดุลน้ำ‑electrolyteการให้ยาลดไข้ที่ไม่ใช่ยา NSAIDsและการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
เช่น ช็อก หรือการตกเลือดภายใน
4. วัคซีน
มีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก(เช่น Dengvaxia และวัคซีนอื่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนา)
แต่มีเงื่อนไขในการใช้ เช่น ต้องตรวจการมีภูมิต้านทานเด็งกี่ก่อนในบางประเทศเพื่อประเมินว่าเคยติดเชื้อแล้วหรือไม่
เพราะการฉีดให้กับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อเด็งกี่อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการติดเชื้อครั้งต่อไป
อย่างรุนแรงต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
---
#แนวทางป้องกันที่ควรปฏิบัติในช่วงฝนตกบ่อย
* กำจัดแหล่งน้ำขัง ทั้งในบ้าน ในยางรถยนต์เก่าแจกัน กระถางต้นไม้ ท่อระบายน้ำที่ไม่ไหลต้องทำเป็นประจำ
* ทำ Big Cleaning บ้าน ชุมชนร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น กทม.ร่วมกับสำนักงานเขต จัดกิจกรรมทำความสะอาด
เพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลาย
* ใช้ยากันยุง เสื้ิอผ้าคลุมตัว มุ้งลวดการนอนในมุ้ง หรือมุ้งที่มีสารเคมีฆ่ายุง* ให้ความรู้แก่ประชาชนโดยเฉพาะครอบครัว
ที่มีเด็ก ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เพื่อระวังอาการเบื้องต้นและรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการเสี่ยง
แชร์