Main Menu
BANGKOK PORTAL

  • ไทย
  • Eng

บทความน่ารู้

กฏ 5 ชั่วโมงสำหรับการเรียนรู้

“ทำงานหนักวันแล้ววันเล่า แต่ยังไม่เห็นว่าจะก้าวหน้าไปถึงไหนเลย หรือยังคงหยุดอยู่กับที่ เราอาจมองเห็นเพื่อนฝูงหรือเพื่อนร่วมงานเขาได้เลื่อนตำแหน่งกัน จนต้องมานึกสงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงแตกต่างกับเรา”
หากว่าใครที่กำลังเผชิญกับภาวะเช่นนี้ มาลองใช้กฎ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกฎที่ได้จากบุคคลที่ประสบความสำเร็จทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น บิลล์ เกตส์ โอปรา วินฟรีย์ หรืออย่างมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก” 

กฎ 5 ชั่วโมงที่ว่านี้มีอะไรบ้างแล้วจะนำมาใช้ในชีวิตของเราได้อย่างไร
  • ใช้เวลา 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการเรียนรู้อย่างตั้งใจ
กฎ 5 ชั่วโมงที่ว่านี้มีการใช้เวลา 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือ 1 ชั่วโมงของวันทำงานแต่ละวัน โฟกัสกับการเรียนรู้อย่างตั้งใจจริง หมายความว่าเราต้องจัดสรรเวลาสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ ที่เราสนใจแบบเต็มเวลา เป็นการเฉพาะเจาะจง นอกเหนือไปจากเวลาในการทำงานที่อาจทำให้เราต้องมีภาระงานอื่น ๆ เข้ามาแทรก การเรียนในรูปแบบนี้จะช่วยให้เรามีประสบการณ์ที่หลากหลาย
  • การอ่าน
การอ่านถือเป็นอุปนิสัยสำคัญของบุคคลที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คน เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ง่ายและสะดวก เพียงแค่เราใส่หนังสือไว้ในกระเป๋าตลอดเวลาและกำหนดเป้าหมายในการอ่านหนังสือให้กับตัวเองในแต่ละสัปดาห์ เราสามารถตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องอ่านให้ได้จบวันละ 1 บท หรือ กำหนดว่าจะอ่านให้จบกี่หน้าในแต่ละเดือน เป็นต้น นอกจากนี้หนังสืออีบุ๊คที่มีให้เลือกอ่านมากมายหลายเรื่อง ทำให้เราสามารถเลือกอ่านหนังสือได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน บิล เกตส์คือคนมีชื่อเสียงที่สนับสนุนการอ่าน โดยเขาจะอ่านหนังสือปีละประมาณ 50 เล่ม ทั้งนี้เขายังระบุว่าการอ่านถือเป็นหนึ่งในวิธีการเรียนรู้หลักของเขา
  • การสะท้อนกลับ
การที่เราสะท้อนความรู้ที่ได้รับกลับออกมาคือกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งของการเรียนรู้  ทั้งนี้การพยายามจะรับข้อมูลเข้าไปมากจนเกินไป โดยไม่ได้มีการปล่อยออกมาบ้าง จะทำให้เรารู้สึกว่าความรู้ล้นและจนทำให้ไม่สามารถเก็บเอาทักษะใหม่ ๆ เข้ามาได้ จึงจำเป็นที่เราต้องมีการสะท้อนกลับ ซึ่งก็อาจทำได้โดยผ่านการเขียนออกมา ซึ่งจะทำให้เราได้สะท้อนสิ่งที่ได้เรียนรู้ผ่านการอ่านออกมาเป็นตัวหนังสือ ด้วยความเข้าใจของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้เราได้ใช้ความคิดเกี่ยวกับบทเรียนที่เพิ่งได้เรียนรู้มาระหว่างการอ่านและนำมาพัฒนาความคิดต่อไปในอนาคต
  • ทดลอง
การทดลองเป็นสิ่งจำเป็นหากเราต้องการความก้าวหน้าในชีวิต กำหนดเวลาในแต่ละสัปดาห์เพื่อทำการทดสอบไอเดียหรือความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้มา ไม่ว่ามันจะดูแปลกแค่ไหนก็ตาม สินค้าบางอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในโลกล้วนเป็นผลมาจากการทดสอบ ทดลอง เพราะนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เคยมาจากการทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แม้ว่าเมื่อทดลองแล้วจะล้มเหลวไปบ้าง แต่นั่นก็จะกลายเป็นบทเรียนที่มีค่าให้แก่เรา
  • แยกเวลาทำงานกับเวลาเรียนรู้ออกจากกัน
เพราะเป็นเรื่องง่ายที่เราจะสับสนระหว่างการทำงานกับการเรียนรู้ เราอาจคิดไปว่าการที่เราทำงานเป็นเวลา 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็จะเพียงพอที่จะเห็นว่าตัวเองพัฒนาขึ้น แต่กรณีแบบนี้ก็หาได้น้อยมาก เพราะในขณะที่เราต้องโฟกัสกับปัญหาในการทำงานที่พบเจอแต่ละวัน เราก็ไม่มีเวลาที่จะได้พัฒนาตัวเองหรือเติบโตขึ้น
กฎ 5 ชั่วโมงนี้คือการเรียนรู้อย่างตั้งใจ อย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ใช่การไปทำงานทุกวันและหวังว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรไปพร้อม ๆ กับการทำงานนั้น โดยเราต้องตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจงและให้เวลากับตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น และเราจะเห็นการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • โฟกัสที่การพัฒนาในทางที่ดีขึ้นของตัวเอง ไม่ใช่แค่ได้ผลงาน
เราอาจจะเชื่อว่ายิ่งเราทำอะไรได้ผลมากเท่าไร เรายิ่งประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นความจริงว่าผลงานมีบทบาทต่อความสำเร็จ แต่จะมีประโยชน์อะไร หากชีวิตเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากผลงานตรงนั้น หากคุณโฟกัสไปที่งานที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบันมากกว่าการได้ปรับปรุงตัวเองในระยะยาว เราก็จะไม่ได้เห็นการพัฒนาตัวเองมากนัก มันอาจจะฟังดูยากที่จะให้เวลากับตัวเอง 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์สำหรับการเรียนรู้ที่อาจไม่เห็นผลหรือได้รางวัลในทันที แต่ในระยะยาวเราจะขอบคุณตัวเอง ลองมองให้ไกลเกินกว่าค่าจ้างที่ได้รับในแต่ละวันและทุ่มเทเวลาเรียนรู้เพื่อให้เรากลายเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้แทน

Source : Lifehack ,