Main Menu
ไทย
Eng
ติดต่อเรา
แบบสอบถาม
โพลล์สำรวจ
สมัครสมาชิกห้องสมุด
Facebook
หน้าหลัก
ข้อมูลห้องสมุด
รู้จักหอสมุด
บริการ
หนังสือและสิ่งพิมพ์
ยืม-คืน อุปกรณ์
ห้องค้นคว้า
ห้องวีดีทัศน์
จอง/ขอใช้บริการ
ตู้ล็อกเกอร์
ฟรีอินเตอร์เน็ต
บริการอื่นๆ
อีบุ้คและมัลติมีเดีย
หนังสือและสิ่งพิมพ์
หนังสือมาใหม่
หนังสือแนะนำ
บรรณนิทัศน์ออนไลน์
บทความ
บทความน่ารู้
แหล่งความรู้อื่นๆ
ข่าวสาร/กิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
ปฏิทินกิจกรรม
ระบบสืบค้นหนังสือ
ถาม ตอบ
แบนเนอร์
E-Books
หน้าแรก
บทความ
บทความน่ารู้
บทความน่ารู้
กลับไปหน้าหลัก
ทำไมต้องมี "ฟักทอง" ในวันฮาโลวีน
เมื่อถึงเทศกาลฮาโลวีน นอกจากการแต่งตัวแฟนตาซีเป็นภูตผีปีศาจแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเลยก็คือ "ฟักทองสีส้มผลใหญ่" ที่ถูกคว้านเนื้อออกแล้วจุดเทียนด้านใน หรือที่เรียกว่า
Jack O'Lantern (
ตะเกียงฟักทอง)
แล้วทำไมต้องเป็นฟักทองล่ะ? วันนี้เราจึงนำประวัติคร่าวๆ ของตะเกียงฟักทองมาฝาก เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย
ตะเกียงฟักทองในวันฮาโลวีนนั้นมีมานานหลายศตวรรษแล้ว ซึ่งการแกะสลักตะเกียงฟักทองนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากนิทานปรัมปราของชาวไอริช เกี่ยวกับเรื่องของชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า
“แจ๊คจอมตระหนี่”
โดยตามนิทานเล่าว่า แจ๊คจอมตระหนี่ ได้เชิญปีศาจมาร่วมดื่มเหล้ากับเขา แต่เนื่องจากแจ๊คเองไม่อยากจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ดังนั้น เขาจึงบอกให้
ปีศาจเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นเหรียญ
และแจ๊คจะได้จ่ายเงินค่าเหล้าได้ แต่เมื่อปีศาจเปลี่ยนตัวเองเป็นเหรียญแล้ว แจ๊คกลับเก็บเงินนั้นเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อใกล้ ๆ กับไม้กางเขน ทำให้เจ้าปีศาจไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นร่างเดิมได้อีก แจ๊คจึงยื่นข้อเสนอให้ปีศาจว่า หากอยากจะกลับร่างเดิม ปีศาจก็ต้องสัญญาว่าจะไม่รบกวนแจ๊คเป็นเวลา 1 ปี และหากแจ๊คตาย เจ้าปีศาจก็ต้องไม่มาเอาวิญญาณของเขาไป
หลังจากนั้น 1 ปี เมื่อปีศาจคืนร่างเดิม แจ๊คก็หลอกล่อปีศาจให้ปีนต้นไม้เพื่อที่จะไปเก็บผลไม้ เมื่อปีศาจอยู่บนต้นไม้ แจ๊คก็แกะสลักลำต้นเป็นสัญลักษณ์ไม้กางเขน เพื่อที่ปีศาจจะไม่สามารถลงมาจากต้นไม้ได้ ซึ่งทำให้ปีศาจต้องสัญญาอีกครั้งว่า เขาจะไม่มารบกวนแจ๊คเป็นเวลา 10 ปี
หลังจากนั้นไม่นาน แจ๊คก็ได้เสียชีวิตลง แต่พระเจ้าไม่สามารถให้วิญญาณอันชั่วร้ายของแจ๊คขึ้นมาอยู่บนสวรรค์ได้ ขณะที่ปีศาจเองก็รู้สึกโกรธเคืองกับเล่ห์เหลี่ยมของแจ๊ค แต่ก็ไม่สามารถเอาวิญญาณของแจ๊คไปนรกได้เช่นกัน เพราะต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ ดังนั้น ปีศาจจึงส่งแจ๊คไปยังราตรีที่มืดมิดและมีถ่านติดไฟไว้นำทาง แจ๊คจึงนำถ่านนั้นไปใส่ในหัวผักกาดแกะสลักและล่องลอยไปมาบนโลกนับจากนั้นเป็นต้นมา จากนั้น ชาวไอริชจึงมักพูดถึงผีว่า เป็น
"
Jack of the Lantern"
ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นชื่อสั้น ๆ คือ
"
Jack O'Lantern"
ในไอร์แลนด์และสกอตแลนด์ ผู้คนจะแกะสลักผัก-ผลไม้ต่าง ๆ ให้เป็นรูปร่างหน้าตาน่าเกลียด ตั้งแต่หัวผักกาด มันฝรั่ง และอื่น ๆ จากนั้นก็จะนำไปวางตรงหน้าต่างหรือประตู เพื่อขับไล่วิญญาณของแจ๊คจอมตระหนี่ รวมทั้งสัมภเวสีเร่ร่อน ส่วนในอังกฤษนั้น จะมีการใช้หัวบีตผลโตแกะสลักแทน
ต่อมามีการค้นพบทวีปอเมริกา ทำให้ผู้คนในยุโรปต่างย้ายไปสร้างหลักปักฐานที่นั่นจำนวนมาก ซึ่งผู้อพยพจากประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ได้นำประเพณีแกะสลักผลไม้แล้วเอาเทียนใส่ไว้ตรงกลางไปเผยแพร่ด้วย แต่
เนื่องจากฟักทองเป็นผักพื้นเมืองที่หาได้ง่ายในสหรัฐอเมริกา
ทำให้คนในสหรัฐอเมริกานิยมใช้ฟักทองมาแกะสลักมากที่สุด จึงทำให้นับแต่นั้นมา ฟักทองแกะสลักก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวันฮาโลวีนเสมอมา
ขอบคุณที่มา : kapook
แชร์