Main Menu
ไทย
Eng
ติดต่อเรา
แบบสอบถาม
โพลล์สำรวจ
สมัครสมาชิกห้องสมุด
Facebook
หน้าหลัก
ข้อมูลห้องสมุด
รู้จักหอสมุด
บริการ
หนังสือและสิ่งพิมพ์
ยืม-คืน อุปกรณ์
ห้องค้นคว้า
ห้องวีดีทัศน์
จอง/ขอใช้บริการ
ตู้ล็อกเกอร์
ฟรีอินเตอร์เน็ต
บริการอื่นๆ
อีบุ้คและมัลติมีเดีย
หนังสือและสิ่งพิมพ์
บรรณนิทัศน์ออนไลน์
หนังสือดีที่น่าอ่าน
นิตยสารดีที่น่าอ่าน
หนังสือใหม่
E-Books
บทความ
สาระน่ารู้
แหล่งความรู้อื่นๆ
สารสนเทศขบวนการเสรีไทย
ข่าวสาร/กิจกรรม
ข่าวประชาสัมพันธ์ห้องสมุด
ปฏิทินกิจกรรม
กิจกรรมประจำสัปดาห์
กิจกรรมประจำสัปดาห์
มุมดีๆ ที่เสรีไทย
สารสนเทศขบวนการเสรีไทย
E-Books
ระบบสืบค้นหนังสือ
ถาม ตอบ
หนังสือแนะนำ
หนังสือดีที่น่าอ่าน
นิตยสารดีที่น่าอ่าน
หน้าแรก
ข่าวสาร/กิจกรรม
สารสนเทศขบวนการเสรีไทย
สารสนเทศขบวนการเสรีไทย
กลับไปหน้าหลัก
17 พฤษภาคม 2568 รำลึก 33 ปี เหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม
#OnThisDay
17 พฤษภาคม 2568
รำลึก 33 ปี เหตุการณ์พฤษภาประชาธรรม
วันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี ถือเป็นวันรำลึกเหตุการณ์ “พฤษภาประชาธรรม” ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17–24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เมื่อประชาชน โดยเฉพาะชนชั้นกลาง ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่ทำรัฐประหารเมื่อปี 2534 จนในที่สุด พล.อ. สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องลาออกจากตำแหน่ง
.
แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 33 ปี การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยยังคงดำเนินต่อไป กระแสต่อต้านเผด็จการ การปฏิรูปการเมือง และการเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากประชาชน ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติวงจรรัฐประหารและสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคง
.
ต้นเหตุของเหตุการณ์ในปี 2535 เริ่มจากการที่คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) นำโดย พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ และ พล.อ. สุจินดา คราประยูร เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2534 ต่อมาได้แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ก่อนจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 มีนาคม 2535
ภายหลังการเลือกตั้ง พล.อ. สุจินดา คราประยูร ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยช่องว่างของรัฐธรรมนูญปี 2534 ที่เปิดทางให้ “คนนอก” เป็นนายกฯ ได้ จนนำไปสู่การเคลื่อนไหวของประชาชนที่เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะใน “กลุ่มชนชั้นกลาง” ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของการชุมนุมครั้งนี้ และเป็นที่มาของคำว่า “ม็อบมือถือ” ที่สื่อถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีฐานะทางสังคมและเศรษฐกิจสูง เพราะมือถือเป็นเครื่องมือหลักในการขับเคลื่อนขบวนมวลชน และในขณะนั้นมือถือยังสิ่งของราคาสูง จึงเป็นสัญญะของชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อสูง
.
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2535 เมื่อมีการชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 500,000 คน ขบวนผู้ชุมนุมเคลื่อนสู่ทำเนียบรัฐบาลและเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมระหว่างวันที่ 17–24 พฤษภาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 44 ราย สูญหาย 48 ราย บาดเจ็บกว่า 1,700 ราย และยังมีจำนวนผู้สูญหายและถูกจับกุมที่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
วาณี พนมยงค์ สายประดิษฐ์ บุตรีของนายปรีดี พนมยงค์ ได้สะท้อนความนึกคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ผ่านข้อเขียน “จดหมายถึงคุณพ่อ” ในรูปแบบบุคลาธิษฐานถึงจิตวิญญาณของนายปรีดี ไว้ว่า “ในมือของพวกเขาบางคน ชูไสวธงชาติผืนเล็ก บางคนกวัดแกว่งธงกระดาษน้อยที่มีคำขวัญว่า "ประชาธิปไตยต้องได้มาด้วยสันติวิธี" แต่อนิจจา ผู้ที่หลงอำนาจ และบ้าอำนาจอันมิชอบ ออกคำสั่งให้ล้อมสกัดฝูงชนทุกทิศทุกทาง ปากกระบอกปืนหันสู่ผู้เพรียกหาประชาธิปไตย คนหนึ่งล้ม อีกหลายสิบคนล้ม หนึ่งร้อย สองร้อย หรือกว่านั้นที่ถูกปลิดชีพด้วยกระสุนปืน หยดเลือดไหลริน อาบลงบนถนนแห่งประชาธิปไตยสายนี้” จดหมายยังมีการสนทนากับปาฐกถาเรื่อง "เราจะต่อต้านเผด็จการได้อย่างไร" ของนายปรีดีในปี 2517 ที่มาก่อนกาล ว่าการต่อต้านเผด็จการนั้นย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย ความว่า
.
“ขอให้ท่านพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า การต่อต้านเผด็จการนั้น ไม่ว่าวิธีใดก็ย่อมเสี่ยงต่อชีวิตและร่างกายทุกวิธี แม้วิธีสันติซึ่งขณะนี้เป็นวิธีที่กฎหมายอนุญาต แต่ก็รู้ไม่ได้ว่าฝ่ายเผด็จการกลับมี อำนาจขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ถูกกฎหมายในเวลานี้อาจจะถูกฝ่ายเผด็จการจับตัวไป โดยหาว่าเป็นผู้ต่อต้านเผด็จการก็ได้…ดังปรากฏตัวอย่างในอดีตที่มีผู้ถูกเผด็จการจับตัวไปฟ้องศาลลงโทษ เช่น กรณีขบวนการสันติภาพ และกรณีที่มีผู้ถูกจับไปขังทิ้งยิงทิ้ง ปัญหาสำคัญอยู่ที่ผู้ต่อต้านเผด็จการ ต้องพร้อมอุทิศตนเสียสละ ชีวิตร่างกาย ความเหน็ดเหนื่อยเพื่อชาติและราษฎร"
วาระครบรอบ 33 ปีของเหตุการณ์ “พฤษภาประชาธรรม” ในปี 2568 จึงสะท้อนให้เห็นถึงวงจรทางการเมืองไทยที่ยังคงผันผวนอยู่ในวงจร ระหว่างการออกแบบโครงสร้างครอบงำของฝ่ายกองทัพ กับความพยายามของภาคประชาชนในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบนท้องถนนด้วยการต่อสู้ต่อรอง และชวนตั้งคำถามกับฉากทัศน์ซ้ำเดิมของการเมืองไทย อย่างที่วาณีเคยถามคุณพ่อของเธอว่า
“คุณพ่อคะ ถ้าคุณพ่อมีชีวิตยืนนานถึงวันนี้
คุณพ่อจะคิดอย่างไร และจะรู้สึกอย่างไรคะ?”
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก : สถาบันปรีดีย์ พนมยงค์
แชร์