Main Menu
BANGKOK PORTAL

หนังสือแนะนำ

DUNE : ราชันย์พิภพทราย DUNE episode II : ศาสดาแห่งจักรวาล ผู้แต่ง : แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert)

สวัสดีค่ะ^^
ถ้าคุณกำลังมองหาหนังสือแนวไซ-ไฟสักเรื่องหนึ่งละก็
แอดมินขอแนะนำให้ลองอ่าน "DUNE" ค่ะ

ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังสือที่ถูกตีพิมพ์มานานแล้ว แต่แอดมินบอกเลยว่าเนื้อเรื่องยังคงล้ำยุค ล้ำสมัย น่าติดตามจนวางไม่ลง อีกทั้งยังเป็นสุดยอดงานประพันธ์แนวจินตนาการที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสองวรรณกรรมวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลก เคียงคู่กับ The Lord of The Rings และยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ โดยใช้ทุนสร้างสูงถึง 165 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และลงทุนไปถ่ายทำ ณ ทะเลทรายจริง ๆ ที่จอร์แดนและสหรัฐฯ อาหรับ เอมิเรตส์ อันร้อนระอุ กับ...DUNE

DUNE : ราชันย์พิภพทราย
DUNE episode II : ศาสดาแห่งจักรวาล
ผู้แต่ง : แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert)
**ที่ห้องสมุดฯ สะพานสูงมีสองเล่มค่ะ**

เรื่องราวของหนอนยักษ์ ทะเลทราย และเด็กชายแห่งคำทำนายที่ถูกเลือก

DUNE เกิดขึ้นในอนาคตอันห่างไกล สังคมมนุษย์ได้แผ่ขยายออกไปและตั้งอาณานิคมบนดาวเคราะห์ทั่วจักรวาล หนึ่งในนั้นคือดาวคาลาดาน ที่ซึ่งดยุคเลโท อะเทรดีส ปกครองอยู่ แต่เขากำลังจะเตรียมออกจากดาวดวงนี้ แล้วไปยังดาวดวงใหม่พร้อมตำแหน่งใหม่ในนาม 'ดยุคเลโทแห่งอาร์ราคิส'

ที่นั่นเป็นดาวเคราะห์ทะเลทรายที่มีทรัพยากรอันมีค่ามากที่สุดในจักรวาล ดยุคเลโทและครอบครัวจะต้องไปตั้งรกรากใหม่ในสถานที่แห่งนี้ พร้อมกับความสงสัยที่ว่า เบื้องหน้านั้นมีกับดักอะไรรออยู่!? และพวกเขาจะรอดพ้นจากการปองร้ายของศัตรูคู่แค้นหรือไม่!
---------------------------------

วันนี้แอดมินจึงขอหยิบยกส่วนหนึ่งจากบทความเกี่ยวกับ DUNE มาฝากมิตรรักนักอ่านทุกท่านค่ะ

>>Dune เริ่มต้นที่ยุคสมัย 10191 AG (ที่ย่อมาจาก After Guild) หรือตรงกับยุคสมัย 23352 A.D. (คริสต์ศักราช) ซึ่งหมายความว่าเรื่องราวในหนังห่างกับระยะเวลาในความเป็นจริงสองหมื่นกว่าปี ก่อนหน้าเหตุการณ์ในหนัง มนุษย์เคยสู้รบกับเหล่า AI และจักรกลที่ทรงพลังคล้ายกับองค์กรสกายเน็ตในแฟรนไชส์ คนเหล็ก (The Terminator) มาแล้ว สงครามนี้เรียกว่า ‘บัตเลเรียน จิฮัด (Butlerian Jihad)’ ผลลัพธ์คือมนุษย์รบชนะจักรกลจากบทเรียนที่ได้รับ ทำให้มนุษย์ตระหนักว่าไม่มีสิ่งใดที่สามารถไว้เนื้อเชื่อใจได้เท่ากับมนุษย์ด้วยกันเองอีกแล้ว

สงครามนี้ทำให้เกิดการแบ่งขั้วอำนาจมนุษย์เน้นการวิวัฒน์ที่ร่างกายและสติปัญญาแทนที่จะใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรซึ่งสามารถคิดเองได้ หลังจากยุคนั้นเกิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า แมนแทต (Mantats-มนุษย์ที่เปรียบเหมือนคอมพิวเตอร์เดินได้) เกิดการควบคุมเอกสิทธิ์การเดินทางและขนส่งในอวกาศโดย สเปซซิ่ง กิลด์ (Spacing Guild) หรือ กิลด์ เนวิเกเตอร์ (Guild Navigator) เกิดสิ่งที่เรียกว่า เบเน เจสเซริต (Bene Gesserit) สำนักแม่ชีพลังจิต, องค์จักรพรรดิ, ตระกูลขุนนางบ้านต่างๆ แร่ธาตุหรือเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า สไปซ์ (Spice Melange) บนดาวอาร์ราคิส (Arrakis) ซึ่งกลายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในจักรวาล

ด้วยความที่แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นเลยที่มีศักดิ์เท่ากันในแง่สติปัญญาและการสร้างอารยธรรม Dune จึงเป็นหนังไซ-ไฟอวกาศที่มีแต่มนุษย์ มนุษย์ และก็มนุษย์ (เป็นเหตุผลว่าทำไมตัวละครถึงมีชื่ออันดูเป็นมนุษย์ซะเหลือเกิน เช่น พอล เจสซิก้า หรือคนนามสกุลไอดาโฮ)

ในครั้งนี้จึงไม่ใช่มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐหรือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่สุด ‘ในโลก’ แต่เป็น ‘ในจักรวาล’ เลยทีเดียว แล้วการมีแต่มนุษย์นำมาซึ่งอะไร? ด้วยความเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ไม่เพียงมีความสามารถในการสำรวจอวกาศเท่านั้น มนุษย์ที่ขยายอาณาเขตในการใช้ชีวิตได้กว้างขึ้น จึงทำการยึด ดูดกลืนจับจ่ายใช้สอยทรัพยากร ปักหลัก ตั้งถิ่นฐาน และสร้างอาณานิคมไปทั่วดาวในผ้าใบสีดำอันกว้างใหญ่นี้

กิจกรรมทั้งหมดควบคุมโดยสเปซซิ่งกิลด์เพื่อไม่ให้มนุษย์ทำสงครามกันบนอวกาศ แม้แต่การยิงปืนด้วยกระสุนหรือปืนบลาสเตอร์ก็ไม่อาจทำได้เพราะมีโล่สนามพลังป้องกันวัตถุเคลื่อนที่เร็วและอาจทำให้เกิดระเบิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ โล่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘โฮลทซ์แมน เอฟเฟ็คต์ (Holtzman Effeft)’ การค้นพบที่ช่วยให้มนุษย์เดินทางจากดวงดาวสู่ดวงดาวได้ในชั่วพริบตา ทำให้มนุษย์และวัตถุลอยได้ เพิ่มขีดความสามารถและทลายขีดจำกัดของมนุษย์ จึงทำให้หากจะเปิดฉากสู้กัน ก็ต้องสู้กันบนดาว และสู้กันโดยใช้มีดใช้หมัดแบบดั้งเดิมเท่านั้น

นอกจากนี้แล้ว เวลาเป็นหมื่นปีที่ผ่านไปกลับกลายเป็นว่ามนุษย์กลับไปในยุคแรกเริ่มอีกครั้ง ยุคที่ศาสนา คำทำนาย เทพเจ้า และความเชื่อทรงพลังอำนาจมากที่สุด ความเชื่ออย่างแรงกล้าในคำทำนายและตัวผู้นำ กับการอยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิองค์เดียวทั้งจักรวาล จึงได้แปรเปลี่ยนให้ระบบ ‘เผด็จการอำนาจเบ็ดเสร็จ (totalitarian)’ กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งโดยมีแรงต้านที่ลดลง และการปฏิวัติทำได้ยากขึ้น

อำนาจล้นพ้นนี้ทำให้แทบไม่ต้องพูดถึงการปลดแอกเพราะหากมีใครสักคนลุกขึ้นมาโค่นจักรพรรดิ ไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าคนคนนั้นมาเพื่อปลดปล่อย หรือเพื่อเป็นเผด็จการอีกคนเท่านั้น <<
.
ขอขอบคุณข้อมูลและบทความดี ๆ จาก : Watchman
https://adaymagazine.com/dune...

----------------------------------
#แอดมินบอกเลยว่า จะอ่านเป็นหนังสือ หรือจะดูเป็นภาพยนตร์ก็สนุกไม่แพ้กัน แต่ถ้าอยากอ่าน ก็แวะมายืมได้ ที่ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สะพานสูงนะคะ^^
พิกัด : (น ฮ711ด) ชั้น 2 >> มุมนวนิยายแปล
#ต้องหาอ่าน
#หนังสือดีห้ามพลาด
#เพราะเราอยากให้คุณมีความสุขกับการอ่าน
#ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้สะพานสูง