ทุกวันที่ 11 มิถุนายนเป็น “วันแห่งร่ม” ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยสมาคมส่งเสริมการค้าร่มญี่ปุ่น (JUPA) โดยมีวัตุประสงค์เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับร่มมากที่สุด เพราะประชาชนส่วนใหญ่มักพกร่มติดตัวเสมอ
ร่ม คืออะไร
ร่ม คืออุปกรณ์สำหรับการป้องกันแสงแดดและป้องกันฝน ซึ่งมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกันคือ
1. ร่มยาว - มีลักษณะเป็นด้ามยาวที่ใช้ในการถือ ส่วนด้านบนของร่มจะเป็นโค้งลักษณะเป็นแผ่น มีขอบกลม ๆ คล้ายกับดอกเห็ด ร่มสามารถทำได้ทั้งจากผ้าและกระดาษ ตามแต่ละรูปแบบของร่มนั้น
2. ร่มพับ – ร่มที่สามารถหุบเพื่อจัดเก็บได้อย่างที่ต้องการเมื่อไม่ใช่งานแล้ว ปัจจุบันมีความนิยมอย่างมาก
ร่มมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
ร่มที่ใช้ในการบังแดดขนาดใหญ่ มีจุดกำเนิดจากชาวอียิปต์โบราณเมื่อช่วงเวลาราว 3,500 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มต้นได้นำใบปาล์มมาผูกกับแผนสำหรับถือ และใช้กันในเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่หรือขุนนาง กลุ่มผู้นำศาสนา ชนชั้นสูง ไปจนถึงพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งถือได้ว่าในช่วงเวลานั้น ร่มเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นสูง ของกลุ่มขุนนางที่มีความเชื่อว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะต้องไม่โดนแสงแดดและมีผิวสีขาว โดยร่มสำหรับบังแดดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,400 ปีที่แล้ว ณ ดินแดนเมโสโปเตเมีย เมืองที่มีอากาศร้อนระอุ แสงแดดร้อนแรงตลอดทั้งปี จึงทำให้เกิดร่มบังแดดขึ้น
ลักษณะของอุปกรณ์ร่มสามารถแบ่งส่วนประกอบได้ 3 ส่วนคือ
1. ซีร่ม - ส่วนสำคัญที่ทำให้ร่มสามารถพับเก็บได้ มีลักษณะเป็นท่อนที่ยึดติดต่อกันขนาดเล็ก สามารถจะพับเข้าและออกได้ ในบางครั้งก็จะเป็นลักษณะซีร่มท่อนเดียวที่สามารถทำการหุบร่มได้แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หรือในบางครั้งเป็นแบบซีร่มสองท่อนที่สามารถหุบและพับซ้อนได้เพื่อให้พกพาสะดวกมากยิ่งขึ้น
2. ด้ามจับร่ม - ด้ามจับร่มใช้สำหรับการเป็นด้ามจับและยึดร่มให้มีความมั่นคง ทำขึ้นจากวัสดุขนาดยาว โดยส่วนปลายของด้ามร่มจะมีลักษณะงอโค้งและขนาดใหญ่ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน ส่วนใหญ่ทำขึ้นจากไม้และโลหะ
3. ตัวร่ม - มีลักษณะเป็นแผ่นวงกลมยึดติดกับซีร่มหรือส่วนของโครงร่ม ทำขึ้นจากผ้าประเภทที่สามารถกันฝนหรือกระกาษที่ผ่านการอาบน้ำยาสำหรับกันฝน Cr. www.tnnthailand.com