Main Menu
BANGKOK PORTAL

วันนี้มีที่มา

วันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม

     นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนากรมยุทธนาธิการขึ้นที่โรงทหารหน้า เมื่อวันที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2430 นับแต่นั้นจึงถือเป็นวันแห่งการเปิดศักราชใหม่ของกิจการทหารไทยยุคใหม่ โดยในวันดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศพระบรมราชโองการ ชื่อว่า ประกาศจัดการทหารเพื่อสถาปนากรมยุทธนาธิการขึ้นที่โรงทหารหน้า หรือศาลาว่าการกลาโหมในปัจจุบัน โดยมีพระราชประสงค์ที่จะรวมกรมทหารบกและกรมทหารเรือไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างเอกภาพและศักยภาพในการบังคับบัญชาและบริหารจัดการทหารให้มีรูปแบบเป็นสากล ทัดเทียมนานาอารยประเทศ จึงนับได้ว่าเป็นวันเริ่มต้นและเป็นก้าวแรกแห่งกิจการทหารไทยที่ทันสมัย ถือเป็นนวัตกรรมของกิจการทหารไทยตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา นอกจากนี้ยังได้ถือเอาวันที่ 8 เมษายนของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม อีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 134 ปีที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมถือเป็นสถาบันหลักในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ รักษาความมั่นคง และสร้างเสริมพระเกียรติยศแห่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำนุบำรุงสืบสานพระศาสนาตลอดจนร่วมสร้างสรรค์พัฒนาประเทศ และดำเนินกิจกรรมโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ 
“เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ในการช่วยเหลือประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงกลาโหมดำเนินการได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย และปฏิบัติงานในความรับผิดชอบบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญ ที่สนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลในการรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่วยเหลือดูแลประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งกำลังพลของกระทรวงกลาโหมทุกนายต่างปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยยึดถือประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

     ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระทรวงกลาโหม ได้มีการพัฒนาความพร้อมให้สามารถรับมือกับภัยคุกคามและภัยพิบัติได้ทุกรูปแบบ ควบคู่ไปกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงที่มีอยู่ในปัจจุบันและในอนาคต โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง และแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญในภาพรวม คือ “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข”

     ตลอดจนมุ่งสู่การเป็นกองทัพชั้นนำที่มีบทบาทสำคัญในด้านการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของรัฐ

     โดยในห้วงเวลาที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานของกระทรวงและกองทัพในหลายมิติที่สำคัญ ได้แก่ การบูรณาการการวิจัย พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งเน้นการวิจัยพัฒนาสู่การผลิตชิ้นส่วนของเครื่องมือ อุปกรณ์ และยุทโธปกรณ์ที่ใช้เองภายในกองทัพ การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ การพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ รวมทั้งการเสริมสร้างความพร้อมในด้านกำลังพล ยุทโธปกรณ์ การฝึกศึกษา และหลักนิยม เพื่อให้กองทัพมีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจที่หลากหลาย

     สำหรับการพัฒนาไปสู่ระบบการบริหารราชการยุคใหม่นั้น กระทรวงกลาโหมได้มีการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การนำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวในหน่วยกำลังรบและหน่วยสนับสนุนการรบ การบรรจุข้าราชการพลเรือนกลาโหม เพื่อให้การปฏิบัติงานสอดคล้องกับการปรับโครงสร้างส่วนราชการและการปฏิรูประบบงานด้านต่างๆ ของกระทรวงกลาโหม รวมทั้งการสร้างความเป็นทหารอาชีพ โดยการกวดขันวินัย พัฒนาความรู้ ความสามารถ คุณธรรม จริยธรรม และกำกับดูแลการฝึก พัฒนาสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นและครอบครัว ตลอดจนปรับปรุงพัฒนากฎหมายที่ล้าสมัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม การทุจริตประพฤติมิชอบโดยต่อเนื่อง

     นอกจากนั้น กระทรวงกลาโหมได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ และองค์การระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ภายใต้กรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ทำให้เกิดความร่วมมือในการเผชิญกับภัยคุกคามข้ามชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ยั่งยืน มุ่งไปสู่การเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

     สำหรับการปฏิบัติงานสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ กระทรวงกลาโหม ได้ดำรงการพัฒนากลไกการบริหารจัดการความมั่นคงแบบบูรณาการ ทั้งกับส่วนราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรที่ไม่ใช่รัฐอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนใช้ศักยภาพของทหารในการดำเนินการ เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน อาทิ การสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดตามแนวชายแดนและทางทะเล การส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัยแก่ประชาชนในกรณีต่างๆ

     กระทรวงกลาโหมให้คำมั่นสัญญาว่าจะยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งภารกิจในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อความสุขของพี่น้องประชาชนตลอดไป และจะพัฒนากองทัพเพื่อนำไปสู่การเป็น “กองทัพที่มีความพร้อมในการป้องกันและรักษาอธิปไตยของประเทศ และเผชิญกับภัยคุกคามได้ทุกมิติ-ทุกรูปแบบและทุกระดับ”-อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

Cr. www.matichon.co.th