องค์การอนามัยโลกกำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็น “วันเอดส์โลก” (World AIDS Day) เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคเอดส์ การยอมรับ และเข้าใจผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั่วโลก โดยมีการใช้ “โบว์แดง” เป็นสัญลักษณ์สากล ที่แสดงถึงการตระหนักรู้ การสนับสนุนและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับผู้ติดเชื้อเอชไอวี อีกทั้งยังเป็นการย้ำเตือนว่า เอชไอวี/เอดส์ยังคงอยู่
ในยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ. 2560 – 2573 ประเทศไทยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา” อันได้แก่:
โดยจากการคาดประมาณในปี 2564 คาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในประเทศไทย ประมาณ 6,500 คน/ปี (เฉลี่ย 18 คน/วัน) ผู้เสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ 9,300 ราย/ปี (เฉลี่ย 26 ราย/วัน) และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ยังมีชีวิตอยู่ ประมาณ 520,000 คน โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 97 เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน
จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย (Multiple Indicator Cluster Survey: MICS) ในปี 2562 พบว่า คนไทยมีทัศนคติการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี ร้อยละ 26.7 ซึ่งยังสูงกว่าเป้าหมายยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ ปี พ.ศ.2573 ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพ ทั้งด้านการป้องกันและการดูแลรักษา
การขับเคลื่อนสังคมไทยภายใต้แนวคิด “Equalize: ทำให้เท่าเทียม” ได้มุ่งเน้นการจัดบริการเพื่อให้ทุกคนมีสิทธิ์ในการเข้าถึงบริการป้องกัน การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี และบริการรักษาด้วยยาต้านไวรัส จนสามารถกดไวรัสได้สำเร็จ โดยการสร้างความตระหนัก และความเข้าใจอย่างถูกต้องว่า “เอดส์เป็นเรื่องปกติ” ดังนั้น ทุกบริการที่เกี่ยวเนื่องกับเอชไอวี/เอดส์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงและการใช้ถุงยางอนามัยในการป้องกัน การกล้าที่จะตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี รวมไปถึงการเข้ารับบริการดูแลรักษาเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย อย่างเท่าเทียม นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถอยู่ร่วมกันในสังคม และดำเนินชีวิตได้ตามปกติ Cr. www.princhealth.com