Main Menu
BANGKOK PORTAL

บทความน่ารู้

โลกร้อนยังไม่หยุด และทะเลแคสเปียนอาจกำลังหายไป

 
    โลกร้อนยังไม่หยุด และทะเลแคสเปียนอาจกำลังหายไป
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังร่วมมือกันลดภาวะโลกร้อนให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2°C ตามเป้าหมายของข้อตกลงปารีส รายงานวิจัยล่าสุดจาก มหาวิทยาลัยลีดส์ กลับชี้ให้เห็นว่า แม้จะควบคุมอุณหภูมิได้ตามเป้า แต่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็ยังรุนแรงเกินกว่าจะหลีกเลี่ยงได้
    ทะเลแคสเปียนกำลังหดตัว
ทะเลแคสเปียน ทะเลปิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีแนวโน้มที่ระดับน้ำจะลดลงถึง 10 เมตรภายในปี ค.ศ. 2100 แม้ในสถานการณ์โลกร้อนที่ถูกควบคุมได้ ทีมวิจัยจากลีดส์วิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมของ NASA ช่วงปี 2001–2024 และพบว่า
• พื้นที่ผิวน้ำลดลง 46%
• แนวชายฝั่งหายไป กว่า 56 กิโลเมตร
• พื้นที่น้ำกว่า 112,000 ตร.กม. จากทั้งหมด 387,000 ตร.กม. อาจหายไปภายในสิ้นศตวรรษนี้
    สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกำลังเสี่ยงสูญพันธุ์
ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนที่สุดคือกับ แมวน้ำแคสเปียน ซึ่งจัดอยู่ในรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของ IUCN การแห้งลงของทะเลทำให้แมวน้ำไม่สามารถเข้าถึงเกาะที่ใช้สำหรับผสมพันธุ์ได้ ส่งผลให้จำนวนประชากรลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ ปลาสเตอร์เจียน สัตว์น้ำเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง (ผลิตคาเวียร์) ก็เสี่ยงสูญพันธุ์เช่นกัน เพราะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งวางไข่ได้
    สะท้อนปัญหาโลกร้อนระดับโลก
กรณีทะเลแคสเปียนเป็นเพียงหนึ่งในหลายตัวอย่างของผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ที่กำลังส่งผลต่อแหล่งน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ และชุมชนมนุษย์ทั่วโลก โดยสาเหตุหลักยังคงมาจาก:
• การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล
• การตัดไม้ทำลายป่า
• การผลิตและบริโภคที่เกินความจำเป็น
• ระบบอุตสาหกรรมการเกษตรที่ไม่ยั่งยืน
    แนวทางในการรับมือ
แม้จะเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก แต่เราทุกคนสามารถมีบทบาทได้ ไม่ว่าจะเป็น...
• หันมาใช้พลังงานสะอาดและประหยัดพลังงาน
• ปลูกต้นไม้และฟื้นฟูระบบนิเวศ
• ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและเน้นการเดินทางร่วม
• ส่งเสริมการศึกษาและการรับรู้เรื่องโลกร้อนในชุมชน
• สนับสนุนนโยบายและกฎหมายที่เน้นความยั่งยืน
    ขอขอบคุณข้อมูล/รูปภาพ : https://ngthai.com/environment/77716/caspian-sea-is-drying/
--------------------------------------------------------------------
Disclamer :ไม่ได้มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์ สำหรับเพื่อการศึกษาเท่านั้น