Main Menu
BANGKOK PORTAL

บทความน่ารู้

เสาชิงช้า สัญลักษณ์แห่งศูนย์กลางพระนครและสายใยแห่งความจงรักภักดี

 
เสาชิงช้า สัญลักษณ์แห่งศูนย์กลางพระนครและสายใยแห่งความจงรักภักดี
 วันที่ 12 กันยายน 2550 หรือเมื่อ 18 ปีก่อน..
 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีฉลองเสาชิงช้า ณ บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และพระราชทานผ้าสีชมพูแก่กรุงเทพมหานคร เพื่ออัญเชิญไปผูกเสาชิงช้าเป็นการประกอบพิธีฉลองอย่างเป็นทางการ ภายหลังทำการบรูณปฏิสังขรณ์เสาชิงช้าซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ
 โดยการเปลี่ยนเสาชิงช้าใหม่ในครั้งนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จในปีมหามงคลที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา มีประชาชนผู้มาเฝ้ารอรับเสด็จฯ หลายหมื่นคน พร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” กึกก้อง พร้อมโบกธงชาติและธงสัญลักษณ์ประจำพระองค์ รัชกาลที่ 9 ถวายความจงรักภักดีไม่ขาดสาย
 ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ณ วันนั้น กล่าวว่า ตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเช้า อากาศใน กทม.ค่อนข้างร้อน ฟ้าสดใส และมีปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดในตอนเที่ยงวัน แต่ปรากฏว่าเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง อากาศที่กำลังร้อนอบอ้าวกลับคลายลงอย่างน่าอัศจรรย์ รวมถึงมีลมพัดความเย็นเข้ามาเพื่อคลายความร้อนอีกด้วย ซึ่งพสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จฯ ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญพระบารมีเป็นที่ยิ่ง
 อนึ่ง เสาชิงช้า มีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางพระนคร เป็นโบราณสถานเก่าแก่ตั้งแต่แรกสร้างกรุงเทพมหานคร สัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และศาสนาของกรุงเทพฯ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประกอบพระราชพิธีโล้ชิงช้าในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู จึงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 22 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2492 ปัจจุบันเสาชิงช้าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและเอกลักษณ์
 กรุงเทพมหานครและพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และจะขอสืบสานรักษาเสาชิงช้าแห่งนี้ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันอันมั่นคงระหว่างพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรตราบนานเท่านาน